Featured News
Posts List
Posts Slider
Health
-
10 ประโยชน์ของส้ม สรรพคุณมากล้น กินส้มวันละผลยิ่งดี
ส้ม ประโยชน์ต่อสุขภาพจะมีอะไรบ้างนอกจากความอร่อย ลองมาเจาะลึกสรรพคุณของส้มต่อร่างกายเรากัน
ผลไม้ที่มีให้กินทุกฤดูและราคาไม่แพงแถมยังอร่อย หลายคนก็นึกถึงส้มเป็นอันดับแรก ๆ และใช่ค่ะ ส้มเป็นผลไม้ที่ดีต่อสุขภาพ มีไฟเบอร์สูง มีวิตามินซี และสรรพคุณของส้มยังไม่หมดเพียงเท่านี้ เพราะจริง ๆ แล้ว ประโยชน์ของส้มเขาก็เยอะตั้งแต่เนื้อไปยันเปลือกเชียวล่ะ
คุณค่าทางสารอาหารของส้มก็มีไม่น้อยดังข้อมูลข้างต้น คราวนี้เรามาดูกันค่ะว่าสรรพคุณของส้มจะเจ๋งเบอร์ไหน
- ผลไม้แก้ท้องผูก
ส้มเป็นหนึ่งในผลไม้แก้ท้องผูกได้ เพราะมีใยอาหารสูง ช่วยในระบบย่อยอาหารและการขับถ่าย โดยกินส้ม 1 ผลใหญ่ก็จะได้ใยอาหาร 2.0 กรัมแล้วนะคะ9 ผลไม้ช่วยขับถ่าย หากินง่าย แก้ท้องผูกได้อยู่หมัด
- กระตุ้นภูมิคุ้มกันร่างกาย
ด้วยความที่ส้มพกวิตามินซีมาไม่น้อย จึงทำให้ส้มจัดเป็นผลไม้กระตุ้นภูมิคุ้มกันร่างกาย ช่วยป้องกันอาการป่วยเบสิก ๆ ไปจนถึงอาการป่วยที่หนักหนาได้ เพราะเมื่อร่างกายมีภูมิคุ้มกันที่ดี เราก็จะป่วยยาก เชื้อโรคและไวรัสต่าง ๆ ก็มีโอกาสจู่โจมเราได้น้อยนั่นเอง
- ปรับสมดุลระดับน้ำตาลในเลือด
น้ำตาลฟรุกโตสในเนื้อส้มมีส่วนช่วยให้ระดับน้ำตาลในเลือดไม่พุ่งสูงหลังจากกินส้มเข้าไป อีกทั้งไฟเบอร์ในส้มยังช่วยให้ร่างกายควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้อีกทาง จึงจัดว่าส้มเป็นผลไม้ช่วยคุมระดับน้ำตาลในเลือดอีกชนิดหนึ่ง
- ช่วยลดความดันโลหิต
ส้มเป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยโพแทสเซียม และยังมีปริมาณโซเดียมค่อนข้างต่ำ จึงช่วยในกระบวนการไหลเวียนโลหิตได้ดี ทำให้ร่างกายควบคุมความดันโลหิตได้อย่างสมดุล และยังช่วยลดความดันเลือดในคนที่เป็นโรคความดันโลหิตสูงด้วยนะคะ
ผลไม้ลดความดันโลหิต กินเพิ่มความฟิต คุมความดันโลหิตไม่ให้พุ่ง
- ลดคอเลสเตอรอลในเลือด
ในเนื้อส้มเองก็ไม่มีคอเลสเตอรอล ขณะที่วิตามินซีและสารต้านอนุมูลอิสระที่มีในเนื้อส้มก็ยังมีส่วนช่วยลดคอเลสเตอรอลในเลือดได้ โดยสารต้านอนุมูลอิสระจะเข้าไปปกป้องหลอดเลือดไม่ให้อนุมูลอิสระเข้ามาเกาะและก่อให้เกิดไขมันพอกพูนไปเรื่อย ๆ จนก่อโรคไม่ติดต่อเรื้อรังอย่างโรคหลอดเลือดหัวใจ และโรคหัวใจ เป็นต้น
- บำรุงหัวใจ
โพแทสเซียมในส้มคือส่วนสำคัญที่ช่วยให้หัวใจทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ในส้มยังมีวิตามิน และแร่ธาตุต่าง ๆ ที่ดีต่อการทำงานของหัวใจ ช่วยให้หัวใจเต้นในจังหวะปกติ และช่วยในการไหลเวียนของเลือดให้เป็นไปอย่างสะดวกมากยิ่งขึ้น
- ลดความเสี่ยงโรคนิ่วในไต
มีการศึกษาพบว่า น้ำส้ม มีส่วนช่วยลดการเกิดนิ่วในไต โดยโพแทสเซียมในส้มจะช่วยยับยั้งการเกิดนิ่วต่าง ๆ ในร่างกาย และช่วยให้นิ่วถูกขับถ่ายออกมาพร้อมของเสีย ลดความเสี่ยงโรคนิ่วในไตและนิ่วในอวัยวะอื่น ๆ ได้
- ยับยั้งการเกิดแผลเปื่อย
การศึกษาในวารสาร American College of Nutrition พบว่า คนที่ร่างกายได้รับวิตามินซีสูงจะมีโอกาสเกิดแผลเปื่อยได้น้อยกว่าคนที่ร่างกายได้รับวิตามินซีไม่เพียงพอต่อความต้องการ และส้มก็เป็นผลไม้ที่มีวิตามินซีมากถึง 89% ของปริมาณที่ร่างกายควรได้รับต่อวันเชียวนะคะ
- ลดความเสี่ยงโรคสโตรก
ปวดหัว อาการสโตรก (Stroke) เกิดจากการที่หลอดเลือดตีบ แตก ตัน ซึ่งการศึกษาจากมูลนิธิโรคหัวใจแห่งอเมริกา พบว่า การรับประทานผลไม้ประเภทซิตรัสอย่างส้มและเกรปฟรุตมีส่วนช่วยลดความเสี่ยงโรคสโตรกในผู้หญิงได้ถึง 19% เมื่อเทียบกับอาสาสมัครที่กินผลไม้ในกลุ่มซิตรัสน้อยกว่า
- ป้องกันมะเร็ง
ในเนื้อส้มมีสารต้านอนุมูลอิสระประเภทฟลาโวนอยด์ค่อนข้างสูง ซึ่งเจ้าสารตัวนี้มีคุณสมบัติช่วยป้องกันการเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้ อีกทั้งเนื้อส้มที่อุดมไปด้วยไฟเบอร์ก็ยังจะช่วยขับเอาของเสียที่ตกค้างอยู่ในลำไส้ออกมา จึงช่วยลดโอกาสเสี่ยงโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้อีกทาง
นอกจากนี้ยังมีการศึกษาพบว่า สารซิตรัสในส้มสามารถต้านการเกิดมะเร็งช่องปาก มะเร็งผิวหนัง มะเร็งปอด มะเร็งเต้านม และมะเร็งกระเพาะอาหารได้ด้วย
ข้อมูลจาก https://skm.ssru.ac.th/news/view/198209
ติดตามอ่านต่อได้ที่ masonicoh21.net
Economy
-
ทลายโกดังผลิตปุ๋ยและสารเคมีปลอม
ทลายโกดังผลิตปุ๋ยและสารเคมีปลอม
กรุงเทพฯ 1 มิ.ย.- กรมวิชาการเกษตรผนึกกำลังตำรวจทลายโกดังผลิตปุ๋ยและสารเคมีปลอม อายัดของกลางกว่า 10 ล้านบาท เผยพบติดฉลากอ้างชื่อเอกชนรายใหญ่หลายบริษัท เตรียมขยายผลจับกุม
นายระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตรเปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่กรมวิชาการเกษตรร่วมกับกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภคเข้าตรวจยึดอายัดปุ๋ยเคมี รวมถึงสารพาราควอตซึ่งเป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 4 และตรวจยึดอายัดวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 (ไกลโฟเซตและกลูโฟซิเนต-แอมโมเนีย) ปลอมและวัตถุอันตรายที่ต้องขึ้นทะเบียนแต่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนที่โกดังแห่งหนึ่งในอำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา ตามการแจ้งเบาะแสของผู้หวังดีผ่านทางตำรวจ โดยผลการจับกุมครั้งนี้มี มูลค่าของกลางกว่า 10 ล้านบาท ทั้งนี้ได้กำชับให้ดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดและให้มีการขยายผลด้วยว่า พัวพันกับบริษัทที่มีชื่อตามที่ติดฉลากสินค้าหรือไม่ หรือเป็นการแอบอ้างฉลากทำให้ประชาชนเข้าใจผิด
นายภัสชญภณ หมื่นแจ้ง รองอธิบดีกรมวิชาการเปิดเผยว่า สารวัตรเกษตรศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรโนนสูงและศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรนครราชสีมา สำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 4 อุบลราชธานี กรมวิชาการเกษตร ได้เข้าร่วมการจับกุมพร้อมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจสอบโกดังเลขที่ 79 หมู่ 10 ถ.เลียบคลอง ต.กระชอนอ.พิมาย จ.นครราชสีมา
จากการตรวจสอบพบว่า โกดังโรงสีเก่า มีนายไพรัตน์ ไม่ทราบนามสกุลและนายไพโรจน์ ไม่ทราบนามสกุล เป็นเจ้าของ และโกดังเป็นสถานที่ที่ไม่มีใบอนุญาตในการผลิตวัตถุอันตราย ไม่มีใบอนุญาตครอบครองวัตถุอันตรายและใบอนุญาตผลิต ขาย ปุ๋ยเคมีเพื่อการค้าแต่อย่างใด ต่อมาเข้าตรวจจับกุมนายณัฐวุฒิ บุญสมภพ ซึ่งขับขี่รถยนต์บรรทุกสินค้าออกมาจากโกดังดังกล่าว จึงได้มีการยึดอายัดไว้ทั้งหมด ตามพรบ.วัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 และพรบ.ปุ๋ย พ.ศ. 2518 และฉบับแก้ไข ฉบับที่ 2 พ.ศ.2550ทั้งนี้ผลตรวจสอบของกลางพบว่าเป็น พาราควอต ไดคลอไรด์ซึ่งห้ามผลิต จำหน่าย หรือมีไว้ในครอบครอง สารไกลโฟเซตที่ต้องแจ้งขออนุญาต ปุ๋ยและสารเคมีการเกษตรปลอมหลายรายการ โดยทั้งหมดจะมีการติดฉลากยี่ห้อสินค้าของเอกชนผู้ผลิตรายใหญ่ที่เป็นที่นิยมของเกษตรกรหลายบริษัท ทั้งนี้ยังมีสารเคมีที่ต้องตรวจสอบเพิ่มเติมอีกหลายรายการ
รองอธิบดีกรมวิชาการเกษตรกล่าวต่อว่า สำหรับสารพาราควอตน่าจะเป็นสารที่มีการซุกซ่อนไว้ไม่นำมาแจ้งหรือส่งคืนให้กรมวิชาการเกษตรนำไปทำลายตามกฎหมายเพราะกรมได้ห้ามนำเข้าและไม่มีการอนุญาตมา 2 ปีแล้ว รวมถึงผลิตภัณฑ์ที่มีการติดฉลากที่ผลิตภัณฑ์ว่าจะหมดอายุในปี 2566 น่าจะเข้าข่ายหลอกลวงเพราะกรมไม่มีการออกใบอนุญาตมา 2 ปีแล้วเช่นกัน
สำหรับการลักลอบผลิตวัตถุอันตราย ซึ่งมีความผิดตามกฎหมายของกรมวิชาการเกษตร มีบทกำหนดโทษ ดังนี้
1. ผู้ใดผลิต หรือมีไว้ในความครอบครองซึ่งวัตถุอันตรายชนิดที่ 4 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน10 ปีหรือปรับไม่เกิน1,000,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ ตามมาตรา 43,74 พ.ร.บ.วัตถุอันตราย พ.ศ.2535
2. ผู้ใดผลิตวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 ปลอม ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินเจ็ดปีหรือปรับไม่เกิน 700,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ ตามมาตรา 45(1),75 พ.ร.บ.วัตถุอันตราย พ.ศ.2535
3. ผู้ใดผลิตหรือมีไว้ในครอบครองซึ่งวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 โดยไม่ได้รับอนุญาตต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปีหรือปรับไม่เกิน 200,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ ตามมาตรา 23,73 พ.ร.บ.วัตถุอันตราย พ.ศ.2535
4. ผู้ใดผลิตวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 โดยไม่มีใบสำคัญการขึ้นทะเบียนต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปีหรือปรับไม่เกิน300,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ มาตรา 45(4),78 พ.ร.บ.วัตถุอันตราย พ.ศ.2535
ส่วนความผิดตามพ.ร.บ. ปุ๋ย พ.ศ. 2518 และฉบับแก้ไข ฉบับที่ 2 พ.ศ.2550 มีดังนี้
1. ผลิตปุ๋ยเคมีเพื่อการค้า โดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม มาตรา 12 วรรคหนึ่ง มาตรา 57 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปีหรือปรับไม่เกินสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
2. ผลิตเพื่อการค้า ปุ๋ยที่ต้องขึ้นทะเบียน แต่มิได้ขึ้นทะเบียนไว้ตาม 30 (5) มาตรา 71 ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงห้าปี และปรับตั้งแต่สี่หมื่นบาทถึงสองแสนบาท.-สำนักข่าวไทย
ขอบคุณแหล่งที่มา : tna.mcot.net
Latest News
คู่แข่งสำคัญเปลี่ยนใจ!ลือแมนยูเต็งได้ เอริคเซ่น เสริมกลาง
แมนฯ ยูไนเต็ด ผงาดเป็นทีม...
10 ประโยชน์ของส้ม สรรพคุณมากล้น กินส้มวันละผลยิ่งดี
ส้ม ประโยชน์ต่อสุขภาพจะมี...
V Rising: วิธีค้นหา & เอาชนะ Beatrice The Tailo สุดแกร่ง
เพื่อปลดล็อกความสามารถในก...
แข้งยู-23ไทยพร้อมออกศึกถ้วยเอเชียเปิดหัวดวลคู่ปรับเวียดนาม
แข้งยู-23ไทยพร้อมออกศึกถ้...